จากการที่ผมได้นั่งฟัง Days Are Gone มาเป็นเวลานานพอสมควร งานเพลงชุดนี้ไม่กระจอกอย่างที่คิด พวกเธอไม่ได้มาเล่นๆ โชว์สกิลเต็มที่ ฝีไม้ลายมือทางดนตรีไม่แพ้ร็อคแบนด์ชายล้วนเลยล่ะ และที่สำคัญสามสาวทำเพลงเองด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆ ดนตรีค่อนข้างมีชั้นเชิง ฟังยากบ้างง่ายบ้าง เนื้อหาส่วนใหญ่พูดถึงความรักที่ไปได้ไม่สวย เลิกราเพื่อไปตามทางของตัวเอง
เริ่มตั้งแต่ Falling แค่เพลงแรกพวกเธอก็โชว์ของแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของไฮม์ได้แล้ว มีความเป็นป็อบผสมอาร์แอนด์บี เพิ่มความแปลกใหม่และน่าจดจำด้วยเสียงเอคโค่ เพิ่มความแข็งแรงให้กับคอรัส ถึงแม้ว่าชื่อจะดูเหมือนฉุดพวกเธอลงที่ต่ำ แต่ไม่เลย พวกเธอกำลังประกาศกร้าวแสดงจุดยืนในวงการเพลง ดั่งท่อนฮุกที่ว่า Don’t stop, no, I’ll never give up And I’ll never look back, just hold your head up จะเห็นได้ว่าพวกเธอไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่จมอยู่กับความเศร้าในอดีต พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนงานเพลงของพวกเธอ ทำตามฝันต่อไป จุดยืนชัดเจนตั้งแต่เพลงแรก เอ็มวีออกแนวชิคๆเกรียนๆไม่จริงจังเหมือนในเนื้อหาเอาเสียเลย 5555
ในเพลงนี้เธอก็ฝากบทเรียนให้กับหนุ่มๆทั้งหลายด้วยว่า Always keep your heart locked tight Don't let your mind retireแปลเป็นไทยว่า อย่าหลงรักใครง่ายๆนั่นเอง เพราะผลที่ตามมาอาจจะทรมานได้โดยไม่รู้ตัว เป็นเพลงที่แฝงความแสบไปในตัว
หักอกหนุ่มๆมาแล้ว มาต่อด้วย If I Could Change Your Mind เนื้อหาแอบเฮิร์ทนิดนึง ถ้าชั้นเปลี่ยนใจเธอได้ ป่านนี้เธอเป็นของชั้นไปนานแล้ว เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ฟังง่ายที่สุดในอัลบั้มชุดนี้นะ ป็อบติดหูดีครับ ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องชอบเพลงนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง
ตัดกลับมาที่เพลงเฮิร์ตๆ Don't Save Me เพลงนี้จังหวะเบสเท่มากๆ ยกความดีความชอบให้กับ Este อีกแล้ว ดูเหมือนเพลงนี้สาวๆจะเจอปัญหารักเขาข้างเดียวซะแล้ว ถ้าความรักของเธอไม่แข็งแกร่งพอ อย่ามาทำเป็นบอดี้การ์ดคอยปกป้องชั้น อย่ามาแคร์ชั้นเลย
มาถึงเพลงที่เป็น topic หลักประจำอัลบั้มอย่าง Days Are Gone Esteขอโชว์ร้องเต็มเพลงบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้แดเนียลมีบทบาทหลักในการร้องอยู่ตั้งหลายเพลง เสียงของเธอแลดูซอฟต์กว่าแดเนียลซะอีก ทั้งๆที่เธอตัวสูงใหญ่น่าจะมีเสียงห้าวๆ กลับกลายเป็นว่าเสียงของแดเนียลดูแมนกว่า แต่ผมไม่ได้หมายความว่าเสียงของสาว Este จะดูไม่ดีหรอกนะฮับ เสียงร้องของเธอดูดีเหมือนกัน เพียงแต่เปรียบเทียบเฉยๆ จะว่าไปแล้วไตเติ้ลแทร็คเพลงนี้เป็นหัวใจหลักสำคัญในการบอกลาความรักแย่ๆที่เธอมักจะเป็นคนฝ่ายให้เขาข้างเดียวอยู่ตลอดๆ ทิ้งอดีตไปซะ เดินหน้าทำสิ่งที่ควรทำต่อไป
You can have my past, I'll never get that back I'm moving on, cause those days are goneเป็นประโยคที่ผมชอบมากที่สุดในเพลงนี้ เพราะผมก็เจอเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ผมเลยอินกับประโยคนี้เป็นพิเศษ ฮ่าฮ่าฮ่า
มาเฮิร์ทกันต่อด้วยเพลง Go Slow เพลงจังหวะช้าๆ เบรคของหนักจากแทร็คที่แล้ว ออกแนวยื้อคนรักเก่าที่ลืมไม่ลงซักที พยายามจะลืม แต่มันก็ยากจริงๆ รักแล้วลืมยากว่าง่ายๆ สองแทร็คสุดท้ายอย่าง Let Me Go และ Running If You Call My Name เป็นการตอกย้ำประโยค Days Are Gone ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เพลงแรกเริ่มเพลงมาแบบเงียบๆแล้วมาตะโกน Let Me Go ให้คนฟังได้ขนลุกกันเล่นๆในท่อนฮุก Este รับช่วงต่อในการร้องเคล้าจังหวะกลองของน้องคนเล็ก Alana ที่เพิ่มความเข้มข้นให้เพลงได้เป็นอย่างดี แล้วสร้างไคล์แมกซ์เป็นการปิดท้ายด้วยซาวน์ดกีตาร์ เบส และกลอง จากสามประสานพี่น้องลากยาวจนจบเพลง เป็นอีกหนึ่งเพลงเด่นที่เจ๋งในสร้างไคล์แมกซ์ได้ถูกที่ถูกเวลา ส่วนเพลงสุดท้ายแลดูซอฟต์กว่าเพลงที่แล้ว เป็นการหนีออกจากความรักแย่ๆ เพื่อไปเจอสิ่งที่ดีกว่า สองเพลงที่แล้วดูเหมือนจะยังตัดใจไม่ลง แต่เพลงสุดท้ายนี้น่าจะบ่งบอกได้แล้วว่า ชั้นหลุดพ้นพันธนาการจากความรักแย่ๆได้แล้ว ไม่อาลัยอาวรณ์อีกต่อไป คอรัสในเพลงนี้เด่นสุดๆ เป็นแทร็คปิดที่ประทับใจอยู่ไม่น้อย อินดี้สุดๆจ้า
มาพูดถึงเพลงแถมในเวอร์ชั่น Deluxe บ้าง เริ่มตั้งแต่ Send Me Down
Days Are Gone ผลงานชุดแรกของสามสาวเปิดตัวได้สวยมากๆครับ ในแง่ของดนตรีและเนื้อหาที่ล้อคอนเซปต์ของอัลบั้มได้เป็นอย่างดี มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน แค่เสียงร้องของแดเนียลก็พอจะเป็นซิกเนเจอร์ของวงนี้ได้แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น