วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[รีวิวอัลบั้ม] A Head Full Of Dreams - Coldplay

สีสันแห่งความฝัน





วงดนตรีป็อบร็อคแห่งเมืองผู้ดี Coldplay กลับมาอีกครั้งในสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 7 ที่มีชื่อว่า A Head Full Of Dreams เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่นักฟังเพลงอย่างผมรอคอย แน่นอนครับว่าวงดนตรีวงนี้เป็นวงที่มีอิทธิพลต่อวงการดนตรีนี่หว่า แถมมีเพลงฮิตหลายเพลงที่ข้าพเจ้าชื่นชอบจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น Yellow , Shiver , Fix You , The Scientist , Warning Sign , Viva La Vida , Paradise , Charlie Brown , A Sky Full Of Stars , Magic อื่นๆอีกมากมาย A Head Full Of Dreams ชุดนี้จึงเป็นผลงานเพลงส่งท้ายปีที่น่าจับตามองยิ่งนัก ยังไงก็ต้องลองหาซื้อมาฟังอยู่ดี จะว่าไปแล้วอัลบั้มนี้ทิ้งช่วงจากอัลบั้มที่แล้ว Ghost Stories ประมาณหนึ่งปีครึ่ง  ผิดวิสัยศิลปินวงอื่นๆที่ส่วนใหญ่จะทิ้งช่วงในการทำผลงานชุดใหม่นานถึง 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย  ซึ่งถือว่าเร็วๆมากสำหรับวงดนตรีแนวหน้าของโลก AHFOD มีความแตกต่างจากชุดที่แล้วอย่าง Ghost Stories ที่เพลงส่วนใหญ่ไปในทางหม่นๆขมขื่นเอามากๆ พี่คริสคงช้ำรักลืมเมียเก่าไม่ได้ แต่ผมว่าชุดนี้ค่อนข้างคล้ายกับ Mylo Xyloto อัลบั้มชุดที่ 5 อยู่เหมือนกัน แนวทางคอนเซปต์ออกไปในทางแฟนตาซี เมโลดี้สวยๆ เนื้อหามองโลกในแง่ดี ดนตรีมีสีสัน แต่สิ่งที่ชุดนี้ดนตรีมีความทันสมัยมากกว่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสดนตรีอิเล็กโทรนิกส์เริ่มมีบทบาทสำคัญในโลกดนตรีมากขึ้น ดนตรีแนว EDM จึงต้องพัฒนาตามเพื่อเพิ่มความล้ำสมัยมากขึ้น นี่แหละครับที่ผมคิดว่า AHFOD จึงมีความทันสมัยมากกว่า Mylo Xyloto นั่นเอง อีกหนึ่งความแตกต่างที่มีสีสันมากกว่าเดิมนั่นก็คือ แขกรับเชิญที่มาร่วมในอัลบั้มชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็น Beyonce , Tove Lo , Noel Gallagher และ Gwyneth Paltrow เมียเก่ามาร่วมแจมด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นแค่คอรัสแบ็คอัพหรือไม่ก็เสริมภาคดนตรีเฉยๆ ไม่เชิงร้องท่อนใครท่อนมันเหมือนเพลง Princess Of China ที่มี Rihanna มาร่วมแจม

อาร์ตเวิร์คและแพ็คเกจอัลบั้มชุดนี้สวยสดงดงาม Flower Of Life อยู่ตรงกลางแล้วมีครอบด้วยงานศิลปะสื่อถึงความเป็น AHFOD ได้ดีจริงๆ ภายนอกดูสวยงาม ไส้ในงานเพลงจะดีงามตามท้องเรื่องหรือเปล่ามาดูกันเลย


เปิดอัลบั้มด้วยไตเติ้ลแทร็ค A Head Full Of Dreams มาในสไตล์อิเล็กโทรนิกส์ป็อบบ่งบอกทิศทางอัลบั้มได้ชัดเจน  ดนตรีมีความเป็นวาไรตี้ ฟุ้งไปด้วยสีสัน ดูไม่หวือหวาเท่าไหร่นัก แต่ชัดเจนในคอนเซปต์ ต่อด้วย Birds โคลย์เพลย์ยังคงเล่นลูกเล่นรีฟกีตาร์บัลลาดอันเป็นเอกลักษณ์ของโคลเพลย์อีกเช่นเคย และเป็นวงที่ชอบเอา "นก" มาอุปมาอุปมัยในเนื้อเพลงอยู่เรื่อย สงสัยชอบดูนก (เดาเอา) ไม่เกี่ยว ฟังเพลินอยู่แต่จบเพลงค่อนข้างรวบรัดไปหน่อย กำลังได้ฟิลลิ่งอยู่ดีๆก็ตัดไปเพลงต่อไปแบบหน้าตาเฉย 

Hymn For The Weekend เพลงนี้ได้ Beyonce มาร่วมแจมในฐานะ vocal back up หลายๆคนก็คาดหวังเหมือนกันครับว่า เพลงนี้น่าจะมีการดูเอ็ทกัน แบ่งกันร้องโชว์พลังเสียงคนละท่อน แต่ผิดคาด ให้ Diva ตัวแม่มาร้องแบ็คอัพซะงั้น ยังดีครับที่ Tracklist ไม่มีการห้อยฟีทเจอริ่ง เพื่อไม่ให้ผู้ฟังคาดหวังไปมากกว่านี้  เหมือนทางวงพยายามรังสรรค์ด้วยการเอาสไตล์ของป็อบบัลลาดแบบโคลย์เพลย์มาผสมกับสไตล์อาร์แอนด์บีแบบบียอนเซ่ เพลงเลยออกมาแบบแปลกๆ


Everglow ป็อบบัลลาดเปียโนช้าๆ เพลงนี้ทำให้ผมนึกถึง Ghost Stories ขึ้นมาทันที เหมือนพี่คริสเองพยายามตัดใจจากเมียเก่า แต่มันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน ยังคงคิดถึงเพียงเธอออออออออออ (เฮ้ย!!! อันนั้นของพี่ตูนเว้ย) โคลเพลย์ยังคงทำเพลงช้าได้ซึ้งกินใจซะเหลือเกิน เพลงนี้ปล่อยออกมาตอนที่ผู้เขียนอกหักพอดี ผมเลยอินเพลงนี้เป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าคุณกำลังแฮปปี้กับความรัก ก็สามารถอินเพลงนี้ได้ไม่ยากครับ




มาถึงซิงเกิ้ลแรก Adventure Of  Lifetime เพลงจังหวะสนุกๆ ตอนแรกฟังนึกว่าหมอลำซิ่ง ที่ไหนได้มันคือ World Music ผสมกับ อิเล็กโทรนิกส์ป็อบนั่นเอง ฟังสนุกครื้นเครง

ต่อด้วย Fun เพลงนี้ซิเด็ด ได้นักร้องสาว Tove Lo มาร่วมฟีทด้วย เป็นแขกรับเชิญที่เป็น underrated ในอัลบั้มชุดนี้ ถ้าเทียบกับ Beyonce ที่มีบารมีเหนือกว่าแทบทุกด้าน จังหวะเพลงปานกลาง ขัดกับชื่อเพลงที่จะต้องสนุกสนานเข้าไว้ แต่เพลงนี้จังหวะปานกลางกำลังพอดีครับ ถึงแม้ว่า Tove Lo เป็นแค่แบ็คอัพ แต่เสียงร้องของเธอกลับโดดเด่น ไปด้วยกันได้กับเสียงเฮียคริส เสริมมิติให้เพลงนี้ น่าจดจำมากยิ่งขึ้น สมควรแล้วที่ห้อยชื่อเธอปะหน้าแทร็ค

Kaleidoscope เป็น track ดนตรีบรรเลงสั้นๆ แปะด้วยคลิปเสียงท่านประธานาธิบดี บารัค โอบามา ร้องเพลง Amazing Grace เพลงโฟล์กของชาวคริสเตียน Army Of One เพลงนี้แบ่งเป็นสองพาร์ท พาร์ทแรกมาแบบอัลเทอเนทีพชัดเจน เล่นลูกเล่นด้วยเสียงเอคโค่ แล้วตัดสลับพาร์ทสองที่มาในแบบดัพเสต็ปเบาๆ ถือเป็นเพลงที่เดาทางได้ยากตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง

Amazing Day เพลงนี้ผมโคตรชอบ บัลลาดขึ้นต้นเพลงก็กินขาดแล้วล่ะครับ อินโทรเพลงนี้คล้ายๆกับ Always In My Head  อยู่เหมือนกันนะครับ ฟังแล้วนึกถึง Ghost Stories อีกแล้วครับท่าน แต่เพลงนี้มันไม่หม่น ไม่อึมครึมเท่ากับเพลงนั้นแน่นอน เนื้อหาก็ลึกซึ้งกินใจซะเหลือเกิน เพลงมันไม่ได้พูดถึงความรักเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นเพลงเพื่อชีวิตชั้นดีที่พูดถึงการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ ทุกๆคนต่างเจอทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายมาทั้งนั้น  แต่เราทุกคนก็ต่างมีวันวานที่ดีๆในอดีต เป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนเราว่า โลกใบนี้ยังมีด้านหรือแง่มุมที่สวยงามซ่อนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงมีแต่แง่มุมที่โหดร้ายมากน้อยเพียงใดก็ตาม  เป็นดีงามตามท้องเรื่องจริงๆครับ หลายคนน่าจะประทับใจเพลงนี้ไม่ต่างจากผมอย่างแน่นอน

Up&Up แทร็คปิดท้ายอัลบั้มชุดนี้ แถมเป็นแทร็คที่ยาวที่สุดในชุดนี้อีกด้วย ไหนๆก็เป็นเพลงสุดท้ายแล้วก็ต้องจัดเต็มกันซะหน่อย เพลงมาแบบเปียโนบัลลาดสบายๆ ท่อนฮุคโดดเด่นด้วยคอรัสเด็กๆประสานเสียงกัน ตัวเพลงมีความหลากหลายไปในตัว ไม่มั่วสะเปะสะปะ ทำให้ผู้ฟังอย่างผมเพลิดเพลินจนลืมไปเลยว่า เพลงนี้ยาว 6 นาทีกว่าๆ เนื้อหาเน้นให้กำลังใจ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ ที่มาของเพลงนี้ไม่เพียงแต่จะสื่อถึงบทสรุปของอัลบั้มชุดนี้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสื่อถึงการเดินทางบนเส้นทางดนตรีของโคลเพลย์อีกด้วย อาจจะกล่าวเป็นนัยๆว่านี่คงเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของโคลเพลย์จริงๆแล้วครับ จะว่าไปแล้วแทร็คปิดอัลบั้มแทร็คนี้เปรียบเสมือนศูนย์รวมทางความคิดของอัลบั้มชุดนี้เลยก็ว่าได้ เป็นแทร็คปิดที่ทำได้ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีของวงดนตรีแนวหน้าระดับโลกจริงๆครับ


A Head Full Of Dreams สตูดิโออัลบั้มชุดที่เจ็ดชุดนี้ยังคงเส้นคงวาในเรื่องของคุณภาพงานเพลงตามมาตรฐานของโคลย์เพลย์ได้ดีเช่นเคย เป็นงานที่เสพง่าย เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย ถึงแม้ว่าชุดนี้ดนตรีจะเจือปนไปด้วยอิเล็กโทรนิคป็อบเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม แต่ทางวงก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของวงซักทีเดียว สังเกตได้จากการนำดนตรีสดมามีส่วนร่วมในเพลงมากกว่าชุดก่อนอย่างแน่นอน บัลลาดเปียโนหรือรีฟกีตาร์ติดหูอันเป็นซิกเนเจอร์ของวงก็ยังคงมีให้เห็นอยู่นะครับ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีเลยล่ะที่ทางวงไม่ได้ทำตามสมัยนิยมเกินไป จนลืมเอกลักษณ์เก่าๆของวง แต่น่าเสียดายที่ชุดนี้ยังไม่ถึงคำว่ามาสเตอร์พีชได้อยู่ดี ดูน้อยไปสำหรับผม ยังไม่เต็มอิ่มพอ มีความรู้สึกขาดๆเกินๆ แปลกๆ บางแทร็คฟังดูสนุก แต่ก็สนุกแบบประเดี๋ยวประด๋าว ไม่เติมเต็มความรู้สึกได้ดีเท่าสองอัลบั้มแรกของวง ที่ตั้งมาตรฐานไว้สูงมากๆ แต่ละแทร็คขาดความต่อเนื่อง ไม่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน แทร็คดนตรีบรรเลงสองแทร็คก็ออกแนวฟังฆ่าเวลาชัดๆ ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก ถ้าผมมีเวลาไม่มากพอ ผมสามารถกดข้ามแทร็คเหล่านั้นไปได้เลย 

แต่ถ้าคำนึงถึงเรื่องของระยะเวลาในการงานเพลงชุดนี้ของวงแค่หนึ่งปีครึ่งนั้น ก็ให้อภัยกับข้อผิดพลาดเหล่านั้นได้ เพราะระยะเวลาสั้นมาก ผลงานเลยออกมาตามอัตภาพครับ ขาดๆเกินๆบ้าง ถ้ายืดเวลาในการทำงานเพลงมากกว่านี้ อัลบั้มชุดนี้จะสมบูรณ์แบบมากยิ่งกว่านี้ ถือว่าเป็นมาตรฐานกลางๆ ไม่ดีสุดหรือแย่สุด แต่แอบเสี่ยงต่อการถูกลืมเหมือน Mylo Xyloto ยังดีครับที่ A Head Full Of Dreams เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักฟังเพลงที่ต้องการอะไรที่รีแลกซ์ คลายเครียดได้บ้าง เพราะเนื้อหาเพลงส่วนใหญ่มองโลกในแง่ดี ไม่มีพิษมีภัย


จรรโลงใจได้ก็โอเคแล้ว

Top Track : Amazing Day , Up&Up , Fun & Everglow

Give  7/10



Thanks For Reading

See Ya

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น