วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[รีวิวอัลบั้ม] 25 - Adele

ก้าวเข้าสู่เบญจเพส





ช่วงสิ้นปีนอกจากจะเป็นเทศกาลแห่งความสุขต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงแล้ว ยังเป็นช่วงที่นักฟังเพลงอย่างเราน่าจะมีความสุขสุดๆเมื่อได้ฟังผลงานใหม่ๆของศิลปินซุปตาร์ระดับโลกที่เลือกช่วงเวลาแห่งความสุขช่วงนี้ในการปล่อยผลงานออกมาให้ฟังส่งท้ายปี คราวที่แล้วผมเพิ่งประทับใจผลงานใหม่ของ Justin Bieber ไปหมาดๆ คราวนี้ก็ได้เวลาของ Diva สาวแห่งเมืองผู้ดีอังกฤษอย่าง Adele ออกผลงานชุดที่สามให้แฟนเพลงได้ชื่นใจกันบ้างในอัลบั้มที่มีชื่อว่า 25 ซึ่งชื่ออัลบั้มของเธอก็สอดคล้องกับอายุปัจจุบันของเธออีกแล้ว ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเธอจะตั้งชื่ออัลบั้มแบบนี้ไปอีกนานหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆมันกลายเป็นเอกลักษณ์ของเธอไปแล้วล่ะครับ คนที่กล้าเอาเลขอายุของตัวเองมาตั้งเป็นชื่ออัลบั้มก็มีแต่อเดลเท่านั้นที่ทำแล้วสามารถเป็นที่จดจำได้ทั่วโลก ตั้งแต่ 19 อันนี้อาจจะยังไม่เจิดจรัสมากแต่ก็เริ่มเห็นแววความเป็น Diva มาแต่ไกล อีกสองปีต่อมา 21 นี่ซิของจริง ถึงอายุจะแค่ยี่สิบต้นๆ แต่ศักยภาพและความคิดความอ่านในงานเพลงของเธอมันช่างเกินอายุซะเหลือเกิน ไม่ได้หมายความว่าแก่แดด แต่เก่งกาจอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็น Rolling In The Deep เพลงตัดพ้อถ่ายทอดออกมาได้ทรงพลัง เผาคนรักเก่าแบบไม่มีชิ้นดี และ Someone Like You เพลงรักตัดใจที่ซึ้งและหนักแน่นได้ใจคนฟังมากๆ  และเพลงอื่นๆอีกมากมายส่งต่อให้อัลบั้ม 21 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าและกวาดรางวัลแกรมมี่ไปนอนกอดบ้านจนเต็มตู้ จากนักร้องสาวร่างอวบที่เคยโดนมองข้าม ตอนนี้กลายเป็นนักร้องสาวที่มีบารมีล้นเหลือจนไปได้ไกลแล้วเรียบร้อย 

4 ปีให้หลังวันนี้ก็มาถึงแล้วครับกับ 25 บทเพลงในอัลบั้มชุดนี้มาพร้อมกับความคิดความอ่านที่โตขึ้นสมวัยจริงๆ เนื้อหาเพลงในชุดนี้ยังว่าด้วยเรื่องของความรักรสขมเช่นเคย สไตล์เพลงป็อบ โซล อาร์แอนด์บีตามสไตล์ถนัด ส่วนโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มชุดนี้มีทั้ง Max Martin , Shellback , The Smeezingtons และ Ryan Tedder ซึ่งเป็นแนวหน้าของวงการเพลงป็อบยุคปัจจุบัน มาช่วยเสริมทัพในงานชุดนี้ด้วย




เริ่มด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว Hello คำทักทายง่ายๆแต่มีนัยสำคัญยิ่งนัก เปิดมาแบบเงียบๆ แต่ท่อนฮุกมาแบบทรงพลังด้วยบัลลาดเปียโน อารมณ์เพลงโซล ขนลุกไปพร้อมๆกับความหมายของเพลงอีกเช่นเคย จะเกิดไรขึ้นเมื่อเรายังคงรื้อฟื้นความรักครั้งเก่าอยู่ ทั้งๆที่เวลาผ่านไปนานก็จริง เราก็ยังลืมเขาไม่ได้อยู่ดี เป็นเพลงที่เหมาะกับการเป็นซิงเกิ้ลแรกที่สุด ชื่อก็สื่อ แถมตัวเพลงยังคงบ่งบอกความเป็นอเดลอยู่เต็มเปี่ยม Send My Love (To Your New Lover) เพิ่มความคึกคักเข้ามานิดนึงด้วยจังหวะเพลงป็อบอคลูสติก ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะว่าด้วยความรักที่จบลงอย่างน่าเสียดาย แต่ก็แฝงด้วยความจริงใจ อวยพรให้เธอนั้นได้ไปด้วยกันดีกับเขาคนนั้น และที่สำคัญดูแลเค้าคนนั้นให้ดีด้วยล่ะ ได้ Max Martin มาอำนวยการแทร็คนี้ หลังจากที่ฝากความยินดีให้ความรักครั้งใหม่ของคนรักเก่าแล้ว มาต่อด้วย I Miss You โซลหลอนๆ ฟังแล้วเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งอารมณ์อาลัยอาวรณ์เลยล่ะครับ 




When We Were Young ซิงเกิ้ลที่สองมาในสไตล์บัลลาดเปียโนช้าเนิบๆ มาแบบเงียบๆแล้วค่อยพีคในช่วงท้าย เป็นเพลงที่ผมชอบมากๆ ประทับใจยิ่งกว่า Hello โดยเนื้อหาของเพลงนี้ไม่ได้ต้องการจะสื่อถึงการเจอกันกับคนรักเก่าเพียงอย่างเดียว แต่เหมารวมการเจอเพื่อนเก่าในวัยเยาว์อีกด้วย ซึ่งมันก็มาพร้อมกับความทรงจำในวัยเยาว์ที่มีต่อกันได้ย้อนกลับมาให้หวนรำลึกถึงอีกครั้ง ภาคดนตรีที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปและค่อยจัดเต็มในช่วงท้าย  เสียงอันทรงพลังของอเดลช่วยอุ้มเพลงได้ดี สร้างจุดพีคได้ถูกที่ถูกเวลา

The Remedy ได้ Ryan Tedder มาร่วมแต่งด้วย บัลลาดเปียโนล้วนๆ เมโลดี้ไหลลื่นมาก ฟังแล้วจรรโลงใจยิ่งนัก เนื้อหาโรแมนติกโคตรๆ ถ้าหากเธอกำลังท้อแท้ เจ็บปวดใจ ในเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ให้ชั้นคนนี้เยียวยารักษาแผลใจเธอเองนะ หนักแน่นและซื่อตรงในความรักมากๆ อื้อหือ ฟังเพลงนี้แล้วอารมณ์โรแมนติกเข้าสิงเลยครัชท่าน 



เพิ่มความคึกคักนิดนึงด้วย Water Under The Bridge จังหวะเพลงกลางๆไม่หวือหวามากนัก ส่วน River Lea ก็ฟังได้เรื่อยๆ สองแทร็คนี้ไม่หวือหวา ฟังได้เรื่อยๆไม่ถึงขั้นแย่มากจนต้องข้ามไปฟังแทร็คอื่น ถ้ามีเวลาฟังเต็มอัลบั้มมากพอ แต่พอมาถึง Love In The Dark อื้อหือ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด แทร็คนี้อลังการงานสร้างมากๆครับ การเรียบเรียงดนตรีออเคลสตร้ามันช่างละเมียดละไมซักเหลือเกิน ช่วงท้ายเพลงทำผมขนลุกมากๆ ตอนแรกก็คิดว่าเพลงนี้น่าจะมาโทนดาร์กหม่น แต่ที่ไหนได้มันเป็นเพลงที่ดาร์กได้อย่างมีระดับมากๆ เป็นแทร็คที่อีพิคที่สุดในชุดนี้ ชอบมากๆ ห้ามข้ามแทร็คนี้เด็ดขาด





เมื่อกี้นี้ซึมซับความอลังกาลไปแล้ว มาซึบซับความหว้าเหว่ในเพลง Million Years Ago โฟล์คกีตาร์โปร่งๆฟังสบายๆ แต่ให้อารมณ์เหงาหงอย แห้งแล้งสุดๆ ผมให้ความรู้สึกว่าแทร็คนี้เป็นแทร็คที่ผมข้ามไม่ได้อยู่ดี ถ้าคุณคิดว่า Love In The Dark พีคแล้ว 

All I Ask ก็พีคสุดๆเช่นกัน บัลลาดเปียโนล้วนๆ เป็นแทร็คโชว์อินเนอร์และพลังเสียงของอเดลล้วนๆ เป็นแทร็ครองสุดท้ายที่ผมเปิดซ้ำฟังอีกรอบเป็นประจำ เพราะเพลงมันสุดติ่งจริงๆ อเดลกำลังจะฆ่าคนอกหักชัดๆ เสียงของอเดลมันตัดขั้วหัวใจดวงน้อยของผมไปเต็มๆ เข้าถึงอารมณ์คนอกหักหรือคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนได้ดีที่สุด ก่อนที่เราทั้งสองคนจะแยกทางกัน ชั้นขอกอดเธอ จูบเธอ ซั่มเธอ เห้ย ไอ้อันหลังไม่ใช่แหละ เป็นครั้งสุดท้ายจะได้มั้ย ผมเชื่อว่าคนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ฟังเพลงนี้น่าจะอิน เพลงนี้พิเศษสุดๆได้ Bruno Mars มาช่วยแต่งด้วย ไม่แปลกใจเลยครับว่าสไตล์เพลงนี้ค่อนข้างไปทาง When I Was Your Man ของบรูโน่ มาร์สเยอะพอสมควร แต่อันนี้บีบอารมณ์คนฟังได้มากกว่า ด้วยน้ำเสียงและเนื้อหาที่ว่าด้วยเรื่องความรักที่ไปด้วยกันไม่รอด

ปิดท้ายด้วย Sweet Devotion เป็นแทร็คที่ฟีลกู๊ดที่สุดในชุดนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากน้อง Angelo ลูกชายคนแรกของอเดลมาเต็มๆ ในช่วงต้นเพลงจะมีเสียงน้องแองเจโล่หัวเราะเยาะก่อนเปิดเพลงด้วย การที่อเดลให้เพลงนี้เป็นเพลงปิดท้าย คล้ายๆว่าตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของอเดลเธอเจอเรื่องผิดหวังในความรักมาเยอะแยะมากมายดั่งที่เธอเล่าตลอด 2 อัลบั้มที่ผ่านมา พอมาถึงแทร็คสุดท้ายในอัลบั้มชุดล่าสุด ผู้ฟังรับรู้ได้เลยว่า การได้เป็นแม่นั้นเป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดของชีวิตผู้หญิงคนนึงจริงๆ ชีวิตของ อเดลตอนนี้ก็มีความสุขเช่นกัน เพราะเธอได้ทำฝันที่เป็นจริงแล้ว เป็นชีวิตที่แสนหอมหวานดั่งชื่อเพลง




อัลบั้มเบญจเพสชุดนี้เป็นการกลับมาของอเดลที่สมศักดิ์ศรี ยังคงรักษาคุณภาพได้ดีเช่นเคย ทั้งภาคดนตรี การร้อง การสื่ออารมณ์อันนี้ไม่น่าเป็นห่วงอย่างแน่นอน การบันทึกเสียงยอดเยี่ยมมากๆ การเรียบเรียงดนตรีมีความพิถีพิถัน ทุกอย่างทำออกมาได้อย่างลงตัว เนื้อหาอย่างที่บอกไปมีความคิดความอ่านที่โตขึ้น ถ้าจะซื้อแผ่นมาฟังก็คุ้มครับ 

ถึงเพลงในชุดนี้มีความเป็นผู้ใหญ่สูงมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่การเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังทุกเพศทุกวัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่นัก โดยเฉพาะวัยรุ่น อันนี้ก็ต้องยอมรับกันตามตรงครับว่า เพลงของอเดลมีความอืดอาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วัยรุ่นอาจเซ็งกับการฟังเพลงในชุดนี้อย่างแน่นอน และที่สำคัญเพลงของอเดลนั้นว่าด้วยเรื่องความรักของผู้ใหญ่ที่โตแล้ว มันไม่ใช่ puppy love เอาซะเลย มันคือความบันเทิงรสขมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งความรักของเด็กวัยรุ่นนั้นยังคงไม่ไปไกลถึงขนาดนั้นแน่นอน ถ้าอยากฟังเพลงรักอกหักจังหวะคึกคักเหมาะกับวัยรุ่นล่ะก็ให้ไปฟัง Taylor Swift ,  Ariana Grande หรือไม่ก็ Carly Rae Jepsen น่าจะดีกว่า แต่ถ้าคุณเป็นแฟนเพลงของ มาราย แครี่ หรือ ซาลีน ดีออน การรับฟังความบันเทิงรสขมของ Adele ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นจนเกินไปแน่นอน


ถึงจะขม แต่ก็เป็นเรื่องจริงล้วนๆ


Top Track : All I Ask , Love In The Dark , When We Were Young , The Remedy , Million Years Ago

Give  8.5/10

Thanks For Reading
See Ya



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น