วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[จัดอันดับผลงานศิลปิน] The Worst To The Best Of Eminem

The Worst To The Best Of Eminem






บทความ Ranking Album จัดอันดับผลงานของศิลปินที่ผมชื่นชอบ อันเนื่องมาจากผมเป็นสาวกของศิลปินหลายท่าน วันนี้ศิลปินที่เปิดบทความแรกประจำเพจ Facebook และบล็อค "ฟังไปฟังมา" ของเราวันนี้เป็นแร็พเปอร์ผิวขาวขวัญใจชาวสยามอย่าง Eminem
Eminem ถือเป็นศิลปินแร็พที่สามารถดึงเพลงแร็พเข้าสู่กระแสหลักได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยคาแรคเตอร์ตลกร้าย ฝีปากการแร็พที่จัดจ้าน ฉลาดในการเล่นคำ ถ้าแร็พเปอร์คนไหนคิดจะเหน็บแนม Eminem ก็เตรียมจองศาลาได้เลย เพราะเค้าคนนี้จะสวนกลับแบบไม่ปราณีแน่นอน 

บทความนี้จะทำให้คุณได้รู้จักผลงานอัลบั้มและเพลงฮิตในอดีตของ Eminem มากขึ้น ไม่ใช่แค่ซิงเกิ้ลฮิตหรืออัลบั้มล่าสุด 


7.Encore (2004)




เป็นอัลบั้มที่แฟนเพลงหลายคนบ่นมากที่สุดรวมถึงผมด้วย เอมิเน็มไม่สามารถทำให้เรานั้นทนฟังตั้งแต่แทร็คแรกยันแทร็คสุดท้ายได้ มุกเก่าๆ การแร็พที่เนือยเอาการ รวมไปถึงการเหน็บแนมเซเลบที่ดูไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย Just Lost It มันเหมือนการกระทืบคนล้มอย่าง Michael Jackson ที่กำลังโดนคดีข่มขืนเด็กอายุ 13 แบบไม่แฟร์และไม่ขำด้วยเอาเสียเลย และเป็นการเหยียดผิวที่ผมรู้สึกไม่สนุกด้วย ซิงเกิ้ลที่ผมชอบน่าจะมีแค่ Mocking Bird กับ Like A Toy Soldier เท่านั้นแหละฮับ อัลบั้มนี้ผมฟังได้แค่บางเพลงเท่านั้น ไม่สามารถฟังได้ตั้งแต่ต้นจนจบ เสียเวลาเปล่า

Top Track : Mocking Bird, Like A Toy Soldier & Encore



6.Relapse (2009)





ทิ้งช่วงจาก Encore นานถึง 5 ปีด้วยกัน หลังจากที่ติดยานอนหลับขั้นรุนแรงจนต้องเข้าสถานบำบัด เจอประสบการณ์แบบนี้แล้วก็ต้องมาแชร์กันหน่อยผ่านอัลบั้มชุดนี้ โอเคกว่าชุดที่แล้วแน่นอน ยังมีเพลงที่พอฟังได้มากกว่าชุดที่แล้ว ช่วงต้นอัลบั้มทำได้น่าสนใจพอสมควร ทั้งการแชร์ประสบการณ์สุดหลอนใน 3 a.m การทักทายแบบเชย์ดี้ๆใน Hello ยังไม่ทิ้งลายเรื่องจิกกัดเซเลปในซิงเกิ้ล We Made You , Bagpipe From Baghdad จิกกัดมารายห์คู่กัดเก่า Medicine Ball จิกกัดไม่เว้นแม้แต่คนตายอย่าง คริสโตเฟอร์ รีฟ   ช่วงครึ่งแรกทำได้น่าสนใจ ช่วงกลางๆกลับขาดความน่าสนใจ น่าเบื่อ ยืดๆ วกวนซ้ำเดิม ออกแนวเนือยๆ ส่วนแทร็คตั้งแต่ Deja Vu , Beautiful และ Crack A Bottle ทำได้น่าสนใจมากๆครับ โดยเฉพาะ Beautiful แร็พบัลลาดเท่ๆความหมายดี ผมยกให้เพลงนี้เจ๋งสุดในชุดนี้ฮับ แต่ท้ายที่สุดแล้วโดยรวมชุดนี้ยังไม่มีอะไรน่าจดจำถ้าเทียบกับชุดอื่น บีทยังไม่ลื่นหูเท่าที่ควร ฟังไม่เพลินทั้งอัลบั้ม เหมาะฟังแยกจริงๆ อัลบั้มนี้เลยไปไม่ถึง Top 5

Top Track : Beautiful , Crack A Bottle , 3 A.M & Bagpipe From Baghdad



5.Recovery (2010)




ภาคต่อของ Relapse ที่ทำได้ดีกว่าซะอีก เป็นการทวงบัลลังก์เจ้าพ่อเพลงแร็พได้อย่างเต็มภาคภูมิ โหมโรงอย่างยิ่งใหญ่ด้วยซิงเกิ้ล Not Afraid แสดงจุดยืนได้อย่างไม่เกรงกลัวใคร รวมถึงการหักหน้า Kanye West ในเพลง No Love แร็พดุดันชนิดที่แขกรับเชิญอย่าง Lil Wayne กลายเป็นขี้ไก่ไปเลย บอกรักฮิพฮอพและยอมอยู่กินกับเพลงฮิพฮอพในเพลง 25 To Life เอาใจPop Culture  สุดฤทธิ์รวมงานครั้งแรกกับสาวฮ็อตตัวแม่ Rihanna ใน Love The Way You Lie ทำเอาดังพลุแตกกันเลยทีเดียว ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นป๋าเอ็มเราแต่งแร็พเกี่ยวกับด้านมืดของความรัก Space Bound บัลลาดแร็พที่อาลัยอาวรณ์ความรักที่ไม่สมหวัง รวมไปถึงการส่งสานส์ให้กับเพื่อนเก่าผู้ล่วงลับ Proof ใน You're Not Over อัลบั้มชุดนี้ได้เห็นด้านสว่างของเอมิเน็มมากที่สุดชุดนึง เนื้อหามีความสุขุมอยู่ในตัว ไม่ได้ด่าใครไปทั่ว ป็อบแร็พที่ฟังเพลินไม่น้อยก็จริง แต่ถ้าเทียบกับชุดอื่นชุดนี้ดูซอฟต์ เบื่อไวไปนิดนึง อยู่อันดับห้าถือว่าสมน้ำสมเนื้อ

Top Track : Not Afraid , Space Bound , No Love (Only Eminem's Verse) , 25 To Life , Talkin' 2 Myself


4.The Marshall Mathers LP 2 (2013)




ใครว่าศิลปินยิ่งแก่ คุณภาพของเพลงยิ่งแย่ลง แต่คงไม่ใช่สำหรับเฮียเอ็มแน่นอน ถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นอัลบั้มภาคต่อจาก MMLP ในภาคนี้เราจะได้เห็นชีวิตของเอมิเน็มเปลี่ยนไป ไม่ค่อยมีข่าวฉาว ไม่อารมณ์พลุ่งพล่านเหมือนเมื่อก่อน เลยทำให้ Marshall Mathers ในเวอร์ชั่นนี้ ดูmature มากขึ้น แร็พแบบผู้ใหญ่ๆเก๋าประสบการณ์ กลิ่นอายชุดนี้มันจึงเต็มไปด้วยความหลังต่างๆมากมาย ไม่ได้วนเวียนแค่MMLP อย่างเดียว และถึงแม้ว่า Dr.Dre จะมีส่วนร่วมน้อยมาก แต่ Rick Rubin เป็นอีกหนึ่งโปรดิวเซอร์ที่ไว้ใจได้พอสมควร เค้าสามารถหยิบจุดแข็งเอมิเน็มมาผนวกในงานชุดนี้ได้อยู่หมัด โดยไม่ทำให้มาตรฐานของเอมิเน็มเสียไปมากนัก ไม่แน่ชุดหน้าเฮียเอ็มอาจเรียกใช้บริการ Rick Rubin ก็เป็นไปได้

ถือเป็นอัลบั้มที่มีสีสันอยู่ไม่น้อย ซาวนด์ฟังไม่น่าเบื่อ ดาร์กบ้าง ดิบเถื่อนบ้าง สดใสบ้างกำลังพอดี ไม่ได้เมนสตรีมจ๋า เล่นตามกระแสซะทีเดียว (ยกเว้น Monster) มันทำให้เรานั้นได้เห็นมุมมองของเอ็มในแบบที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน  เนื่องด้วยสังขารขึ้นเลขสี่แล้ว การแร็พนั้นอาจจะไม่ฮาร์ดคอพลุ่งพล่านเท่าสมัยก่อน แต่เฮียเอ็มใช้พรสวรรค์ในการแร็พไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรมากกว่า เช่น การทำให้เนื้อหาของเพลงนั้นมีคุณภาพ มันดเป็นการบ่นที่มีศิลปะ ไม่จิกกัดเค้าไปทั่ว แต่อยากให้แร็พเปอร์ใหม่ๆอนุรักษ์ความเป็นฮิพฮอพและอย่าลืมตัวเองมากกว่า อัลบั้มนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ว่าเฮียเอ็มยังครองตำแหน่ง King Of Rap ได้อยู่ 

Top Track : Bad Guy , Rap God , So Far... , Evil Twin , Legacy , Berzerk , Brainless



3.The Eminem Show (2002)




ปี 2002 นับว่าเป็นปีทองของเอมิเน็มอย่างแท้จริง เป็นจุดพีคสุดๆของเฮียเอ็มเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นจากหนังเรื่องแรกอย่าง 8 Mile ที่ฮิตแบบถล่มทลาย และอัลบั้มชุดนี้ก็สร้างสถิติใหม่ให้กับวงการเพลง ยอดขายเปิดตัวสัปดาห์แรกของชุดนี้พุ่งสูงถึง 1.3 ล้านก็อปปี้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้ เป็นการตอกย้ำความสำเร็จในวงกว้างอีกครั้ง

เป็นงานเน้นฟังสนุกของแท้ เป็นอัลบั้มที่จิกกัดได้อย่างสนุกสนานมากที่สุดหนึ่งอัลบั้ม เสพง่ายที่สุดแล้ว ผมคงปฏิเสธไม่ได้จริงๆกับความสนุกที่จัดเต็มตั้งแต่แทร็คแรกยันแทร็คสุดท้าย ซาวนด์ไม่น่าเบื่อ เราสามารถสนุกกับโชว์ของเอมิเน็มได้อย่างครื้นเครง มันไม่ได้มีเพียงแค่จิกกัดดาราเพียงอย่างเดียวแล้ว พัฒนาไปไกลถึงการเมืองระหว่างประเทศเลยทีเดียวในเพลง White America ฮารด์คอแร็พที่สะใจชาวอเมริกาอยู่ไม่น้อย ตอกย้ำความเป็น Slim Shady คนเดิมอย่าง Without Me ที่ได้กลายเป็นเพลงฮิตตลอดกาลลำดับต้นๆของเฮียเอ็มไปแล้ว ดราม่าเกี่ยวกับแม่ในเพลง Cleaning Out My Closet และมันทำให้ผมได้เห็นมุมของความเป็นพ่อที่มีทั้งซึ้งทั้งรั่วอย่าง Hailee's Song และ My Dad's Going Crazy อัลบั้มที่มีเพลงฮิตมากที่สุดก็คงจะเป็นชุดนี้แหละครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเพลงฮิพฮอพหรือไม่ คุณก็สามารถสนุกได้โดยไม่ทำให้คุณภาพของเพลงฮิพฮอพต้องเสียไป


Top Track : Without Me ,Till I Collapse , Sing For The Moment , Business , Soldier , Square Dance , Cleaning Out My Closet


2.The Slim Shady LP (1999)




ถ้าคุณอยากรู้ที่มาของ Slim Shady คุณต้องฟังชุดนี้


อัลบั้มนี้เป็นการลบคำสบประหม่าจากอัลบั้มแรกอย่าง Infinite ที่ดันไปเหมือน Nas และ AZ เป็นอัลบั้มที่ทำให้เราได้รู้จักกับตัวตนสมมติอย่าง Slim Shady ที่เปรียบเสมือนตัวแทนด้านมืดของเอมิเน็มที่อยากระบายเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นมากมายในชีวิต ติดเหล้าติดยา อยู่ในบ้านรถตู้เก่าๆกับแม่ที่ติดยางอมแงมด้วย ปัญหาบ้านแตกสารพัดได้รวมอยู่ในชุดนี้หมดแล้ว แค่คำทักทายก็เป็น signature ที่ชัดเจนแล้วอย่าง  My Name มันทำให้เราได้รู้จัก Slim Shady สุดแสบ จอมก้าวร้าว เก็บกด ที่บ่นเกี่ยวกับแม่ติดยา เพลงนี้เพลงเดียวปุ้งงง! ดังเป็นพลุแตกเลย แถมเพลงนี้ยังติด Top 10 Best Rap Song Ever รวมถึงการฟ้องร้องคดีในชั้นศาลระหว่างแม่กับเฮียเอ็ม การ collab ร่วมกับ Dr.Dre ดูเหมือนจะสร้างความฮือฮาได้มากมายใน Guilty Conscience  นอกจากนี้ก็ยังมีซิงเกิ้ลตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Role Model การสร้างไอดอลแบบกวนๆ , 97' Bonnie & Clyde ตัวเพลงชิวมาก แต่ได้บรรยากาศหลอนๆแปลกๆ ไม่ชอบมาพากล ที่กำลังจะเอาศพใครบางคนทิ้งลงแม่น้ำ และยังมีเพลงอื่นๆอีกมากมายที่คุณฟัง

ไอเดียการสร้างตัวตนสมมติเป็นการนำเสนอที่ชาญฉลาดมากๆสำหรับผม มันสร้างสรรค์ และแตกต่างจากแร็พเปอร์เจ้าอื่นๆ มี Skit ฮาๆ การแร็พที่แพรวพราวสุดๆ มันสะท้อนความเป็นฮิพฮอพข้างถนนได้ดีมากๆ นี่แหละฮับคือสิ่งที่ผมยอมซูฮกกับความอัจฉริยะทางดนตรีฮิพฮอพ ที่ใครหลายคนต่างเมิน แต่เอมิเน็มนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ นี่คือจุดเริ่มต้นของแร็พเปอร์ผิวขาวแห่งเมืองดีทรอยที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการเพลง

Top Track : My Name Is , Guilty Conscience , Rock Bottom , Brain Damage , If I Had , Just Don't Give A F***



1.The Marshall Mathers LP (2000)




จะมีซักกี่อัลบั้มที่โหด มัน ฮา แสบสันได้เท่าชุดนี้ ดูเหมือนว่า ฮาร์ดคอแร็พครั้งนี้สร้างปรากฏการณ์ทั้งรักทั้งชังไปทั่วทั้งโลกเลยทีเดียว มันไม่ได้มีแค่เรื่องส่วนตัวเพียงอย่างเดียว มันมีทั้งจิกกัดดารา แอนตี้เกย์ ไม่เว้นแม้แต่การใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง  เรียกได้ว่าใครที่ชอบก็สะใจสุดๆเลย ใครที่เกลียดก็ต่อต้านสุดฤทธิ์ก็คราวนี้แหละครับ ก่อให้เกิดเรื่องฉาวๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลง Kill You ที่ถูกนักสิทธิสตรีฟ้องร้องมากมาย Stan ตัวละครสมมติของเอมิเน็ม ที่เป็นติ่งเอมิเน็ม ฆ่าตัวตายเพียงเพราะเฮียเอ็มไม่ตอบจดหมาย มันเป็นอะไรที่เสมือนจริงจนคนเกือบสับสนว่าเป็นเรื่องจริง 555 ด่ากราดสื่อที่มายุ่งกับชีวิตส่วนตัวในเพลง The Way I Am ในขณะเดียวกันทั้งโลกก็ยังมันส์ครื้นเครงไปกับแทร็คซิกเนเจอร์ The Real Slim Shady ความสนุกที่ทั้งโลกอดจะลุกขึ้นยืนไม่ได้ มันเป็นเพลงแรกที่ทำให้รู้จักเฮียเอ็มด้วย หรือแม้แต่ Criminal ที่แสบร้ายได้อีก Amityvile , Remember Me และ B**** Please แกงส์เตอร์อย่างเห็นได้ชัด และยังมีเพลงอีกมากมายที่พร้อมจะกระตุ้นอะดรีนาลีนได้ทุกเมื่อ

จริงๆแล้วผู้เขียนก็ไม่นิยมความรุนแรงหรอกนะครับ แต่ที่ผมยอมยกให้เป็นอันดับหนึ่ง ตรงที่เพลงมันถึงใจสุดแล้ว สไตล์การแร็พที่มีพัฒนาการมาก ดึงฟิลลิ่งโมโหโกรธาได้อย่างถึงพริกถึงขิง ฮาร์ดคอสุดๆ ตรงไปตรงมาแบบไม่มีกั๊ก โปรดักชั่นที่แหล่ม จุดแข็งเหล่านี้แหละที่ทำให้อัลบั้มนี้ชุดนี้ยังคงมีความขลังอยู่ในตัว ถึงเวลาจะผ่านไปนานแล้วเมื่อได้เปิดฟังอีกก็ยังรู้สึกสะใจไปกับการแร็พอันดุดัน ซาวนด์ก็ไม่ล้าสมัย จะว่าไปแล้วอัลบั้มที่คลาสสิค จนเป็นที่น่าจดจำจริงๆ ผมคงยกให้ชุดนี้คือที่สุดของเอมิเน็มแบบไม่ต้องคิดไรมาก

ไม่ขลังจริง คงไม่มีภาคต่อให้เราฟัง ว่าไม๊


Top Track : The Real Slim Shady , Stan , Kill You , Bitch Please II , Criminal , Amityvile , Remember Me , Marshall Mathers


เป็นไงกันบ้างกับการจัดอันดับครั้งนี้ อัลบั้มชุดไหนของเฮียเอ็มที่ถูกใจที่สุดหรือมีการสลับตำแหน่งไหนบ้างก็เมนท์แชร์ความเห็นได้อย่างเต็มที่ ส่วนศิลปินหรือวงดนตรีต่อไปจะเป็นใครก็อย่าลืมติดตามกัน
ส่วนรีวิวอัลบั้มปกติคงได้เดือนหน้า จะเป็นใครเดี๋ยวค่อยว่ากัน 


ไป comment กันต่อในเฟสบุ๊คของ ฟังไปฟังมาได้เลยครับ
>>>>>> https://www.facebook.com/fungpaifungma


Thanks For Reading
See Ya

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น