วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[รีวิวอัลบั้ม] Ghost Stories-Coldplay (Version ผ่านไปแล้ว 1 ปี)

ความเรียบง่ายบนความขมขื่น




จริงๆแล้วผมโพสรีวิวอัลบั้มชุดนี้ลงบนเว็บอื่นไปก่อนแล้ว อัลบั้มนี้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แต่ผมคิดถึงอัลบั้มชุดนี้ ผมเลยได้โอกาสนี้ในการเผยแพร่บทความรีวิวเก่ามาเล่าใหม่ให้ชาวพันทิปได้อ่านกันเป็นกระทู้ที่ 4  สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของวงบริทร็อคตัวจริง Coldplay ที่มีชื่อว่า Ghost Stories ชื่ออัลบั้มไม่ได้หมายความว่า วงนี้เค้าจะแต่งเพลงที่เกี่ยวกับทูตผีปีศาจ ความเป็นความเป็นตายหรอกนะฮะ แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังตั้งหาก การเลิกรา อกหักรักคุด ผีบ้าผีบอทั้งหลายที่เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์นั้นต้องจบลง หลอกหลอนเราจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหลายๆคนก็พอจะนึกออกได้ว่า คอนเซปต์ของอัลบั้มชุดนี้มาจาก Chris Martin นักร้องนำและหัวหน้าวงเป็นแน่แท้ เพราะพี่แกเพิ่งเลิกรากับ Gwyneth Paltrow ไปหมาดๆ เพลงในชุดนี้จึงดูหม่นๆ ดาร์กๆ ไม่โลกสวยเหมือนอัลบั้มชุดที่แล้ว ถ้าใครเป็นแฟนตัวยงของวงนี้ ก็คงต้องทำใจนิดนึง เพราะตัวเพลงค่อนข้างจะป๊อบจ๋าเลย ไม่มีความเป็นร็อคหรืออัลเทอเนทีฟให้เห็น เน้นดนตรีอิเล็กโทรนิคมากขึ้น ดนตรีสดน้อยลง ก็แน่อยู่แล้วอกหักแบบนี้ใครๆก็ร็อคไม่ออกอย่างแน่นอน ตัวปกอัลบั้มก็ยังมาในแนวศิลปะอีกเช่นเคย ตีความไม่ยาก ดูผิวเผินเป็นรูปปีกนางฟ้าก็ได้ มองอีกมุมนึงในแง่ร้ายหน่อยก็จะเป็นรูปหัวใจที่แตกสลาย broken heart นั่นเอง ปกชุดนี้ตอบโจทย์คอนเซปต์อัลบั้มได้ครบถ้วน เรียบง่ายดี ส่วนartwork ข้างในก็เป็นงานศิลปะที่สวยงาม แต่เป็นสไตล์ดาร์ก ไม่มีโทนสีให้เห็นซะเท่าไหร่ โทนขาวดำสีน้ำเงิน ในไส้ในของปีกบนหน้าปกอัลบั้มซ่อน Detail ไว้เพียบ 
ดูกันได้นานๆครับ

เปิดด้วยแทร็คบัลลาดป็อบรีฟกีตาร์ติดหูในเพลง Always In My Head น้ำเสียงล้าๆเอื่อยๆเนิบๆ อารมณ์เศร้ามาแต่ไกล ถึงจะเลิกราไปแล้ว แต่เธอก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวของชั้น เปิดตัวได้ดีครับ ผมเชื่อว่าอินโทรที่เป็นรีฟกีตาร์น่าจะวนเวียนอยู่ในหัวคุณแน่ๆ




Magic ซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมาตอนต้นปี มินิมอลร็อคที่ยังคงความเป็นโคลเพลได้ดีอยู่ ผมชอบการเดินเบสเพลงนี้มากๆ เท่โคตรๆ เสริมด้วยเปียโนทำให้เพลงมีความหนักแน่นไปในตัว ฟังครั้งแรกเหมือนโดนมนต์สะกดสมชื่อเพลงเลย ยิ่งช่วงนั้นกำลังคิดถึงใครซักคน เลยเปิดเพลงนี้แทบจะทุกวัน ส่วนเอ็มวีเป็นภาพขาวดำ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักแสดงมายากลคนนึงที่หลงรักผู้หญิงที่เป็นนักมายากลเหมือนกัน ได้จางซื่อยี่มาแสดงด้วย ดูแล้วประทับใจ






Ink เพลงนี้ป็อบจ๋ามากๆ แต่ดนตรีดูกลมกล่อมดี หนักแน่น ช่วยอุ้มเพลงได้ เพราะไปอีกแบบ แล้วมาต่อด้วยเพลงป็อบจังหวะช้าๆในเพลง 


True Love ชื่อออกแนวโหลเอามากๆ ตอนแรกผมก็เฉยๆนัก เพราะไม่อินกับความรักเท่าไหร่ แต่เพลงมันมีความลึกซึ้งมาก นั่นแหละที่ผมกล้าปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบเพลงนี้เข้าแล้ว




Midnight เพลงนี้ปล่อยมาพร้อมๆกับเพลง Magic สร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงเป็นอย่างมาก เพราะตัวเพลงไม่มีเค้าความเป็น Coldplay หลงเหลืออยู่เลย ประมาณว่าถ้าฟังเพลงนี้แบบไม่รู้ชื่อเพลงมาก่อน คงจะงงกันว่า ใครร้องวะ ? ตัวเพลงดาร์กมาก น่าจะดาร์กที่สุดเท่าที่วงนี้เคยทำมา และพึ่งautotune กับ electronic ซะเยอะ ไม่มีดนตรีสดให้เห็นเลย ไม่แปลกใจที่คำวิจารณ์จะแตกเป็นสองเสียง ชอบก็ชอบเลย เกลียดก็เกลียดเลยล่ะ เนื้อหาน่าจะมาจากช่วงที่ Chris Martin เพิ่งเลิกรากะแฟนเค้านั่นแหละ เป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย ถาโถมเข้าอย่างจังจึงอยากขอแสงแห่งความหวังบ้าง ผมว่าเพลงนี้ก็โอเคนะ
สำหรับผมเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี

Another’s Arms เพลงนี้โคลเพลย์เริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว ดูเป็นตัวเองมากขึ้น อารมณ์เศร้าๆ เด่นด้วยคอรัสอันโหยหวน ตอกย้ำคนเจ็บที่ แฟนตัวเองกลับไปอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่นซะแล้ว ท่อนฮุคติดหูดี 
เพลงนี้มีแนวโน้มถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลอย่างแน่นอน

มาต่อกันด้วยเพลงช้า Oceans ชื่อดูอลังกาลแต่ซาวน์ดไม่อลังการอย่างที่คิด 
อคลูสติกเน้นๆ ให้ความรู้สึกเหงา โหยหา




A Sky Full of Stars ซิงเกิ้ลล่าสุดที่งานนี้ได้ร่วมงานกับ Aviici ดีเจที่กำลังฮอตสุดๆจากเพลง Wake Me Up ซึ่งเจ้าตัวเองก็ออกตัวเลยว่า เป็นแฟนคลับตัวยงของวงนี้เลย ซึ่ง Aviici ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก โมโลดี้สวย ประทับใจ เหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกภายใต้แสงดาวยามราตรีจริงๆ ถึงเพลงจะออกไปในทาง Aviici featuring Chris Martin. ก็เถอะ แต่ผมกลับชอบนะ จะว่าไปแล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่มาเบรคความรู้สึกที่เศร้า เหงาเปล่าเปลี่ยวจากแทร็คที่แล้วได้ดีมากๆ จนผมเองไม่อยากให้เพลงนี้จบเลย และสิ่งที่ผมรู้สึกได้อย่างหนึ่งคือ แทร็คนี้มันเป็นจุดเชื่อมโยงกับแทร็คที่แล้วได้ลงตัว เป็นแทร็คเติมเต็มความรู้สึกได้ดีมากๆ รู้สึกว่าแทร็คนี้เพราะเป็นพิเศษ เพราะยิ่งกว่าฟังเพลงนี้แทร็คเดียวโดดๆอีก
 ไม่เชื่อก็ลองดูได้

อีกอย่างนึงผมอยากจะตำหนิคนทำเอ็มวีมากๆ บรรยากาศในเอ็มวีอยู่ตอนกลางวันมันดูขัดกบตัวเพลงมากๆ ดูแล้วไม่อิน แทนที่จะเป็นตอนกลางคืนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเพลงซะมากกว่า


O  วงนี้เค้าก็ยังชอบเปรียบเปรยกับนกซะเหลือเกิน แทร็คนี้ฟังแล้วรื่นรมย์มากๆ เปียโนมันช่างไพเราะจริงๆ ติดหูด้วยเป็นแทร็คปิดอัลบั้มที่ให้ความรู้สึกโรแมนติกสุดๆ Fry O Right Through Maybe I Could Fly Right Next To You เพลงยังไม่จบแค่นั้นรอไปอีก 3 นาทีกว่า (คิดไว้ซะว่าดูหนังรอดูตอนต่อไปหลังเครดิตก็แล้วกัน) ซึ่งเพลงที่ปรากฎเป็นท่อนอินโทรของแทร็คแรก Always In My Head นั่นเอง แต่เปลี่ยนมาเป็นการเดินเบสเท่ๆเคล้าด้วยเสียงสังเคราะห์ให้อารมณ์เศร้าๆ ตบด้วยบีทแรงๆ ปังเข้าอย่างจัง แสดงถึงหัวใจแตกสลายลงไปแล้วเรียบร้อย ผมเชื่อว่าทุกคนต้องชอบแทร็คนี้




อัลบั้มชุดนี้ไม่ใช่อัลบั้มที่ดีที่สุดของ Coldplay อย่างแน่นอน ออกแนวตามอารมณ์นักร้องนำซะมากกว่า ซึ่งจะร็อคก็ร็อคไม่ออกซะงั้น ก็อารมณ์มันไม่ให้แต่จุดที่ดีของผลงานชุดนี้คือ เพลงมีความสุขุม หนักแน่น ดูเป็นสุภาพบุรุษดี ไม่ตัดพ้อด้วยวาจาที่รุนแรง มีเหตุผลดี สรุปว่าชุดนี้ผมให้ผ่านครับ ฟังแล้วให้ความรู้สึกเพลิน ถึงไม่ถูกใจสาวกเดนตายของโคลเพลย์มากเท่าไหร่นัก เพราะดนตรีมันน้อยชิ้นก็จริง ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า บทเพลงในงานชุดนี้ลึกซึ้งในเรื่องความรักมากๆครับ รู้สึกดีทุกครั้งที่ผมได้ฟัง ผ่านไป 1 ปีแล้ว ผมยังมีความรู้สึกที่ดีกับผลงานชุดนี้อยู่เลย ทุกแทร็คมันซึมลึกเข้าไปในจิตใจของผู้ฟังโดยไม่รู้ตัว ไอ้ที่ผมบอกว่าชุดนี้ไม่ใช่อัลบั้มที่ดีที่สุดของ โคลเพลย์ นั่นคือเหตุผลทางดนตรี แต่รสนิยมส่วนตัวของผม อะไรที่มันง่ายๆมักจะชนะใจผมเสมอ


ขอให้ฟังแล้วรู้สึกดีกับอัลบั้มชุดนั้นก็พอ ถือว่าดีงามแล้ว


Top Track : A Sky Full of Stars , O , Magic , Another's Arm & Ink

Give (7.5/10)     That's Sound Pretty Good



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น